3 สาเหตุ ที่เราควรจะเปลี่ยนยาง รถยนต์
1.เมื่อยางรถของคุณสึก
ตรงบริเวณรูป Michelin Man ที่ปรากฎอยู่บนไหล่ยางมิชลินทุกเส้นนั้น เป็นจุดที่คุณสามารถสังเกตุเห็นสะพานยาง ซึ่งอยู่ในร่องดอกยาง
สะพานยางเป็นสันยางเล็กๆ ที่ถูกยกขึ้นมาจากฐานของร่องดอกยาง
ถ้าดอกยางสึกถึงสะพานยาง (เหลือความลึกดอกยางประมาณ 1.6 มม) ให้คุณเปลี่ยนยางเส้นใหม่
โดยทันที หากคุณยังคงใช้ยางเส้นดังกล่าวต่อไป อาจก่อให้เกิดอันตรายได้ โดยเฉพาะการขับขี่
รถยนต์บนพื้นถนนที่เปียกลื่น จะทำให้รถยนต์เสียการทรงตัวบนท้องถนน
มิชลินขอแนะนำให้คุณปฏิบัติตามคำแนะนำด้านความปลอดภัยเกี่ยวกับยางและเคล็ด ลับในการประหยัดของมิชลินอย่างเคร่งครัด เพื่อการขับขี่ที่ปลอดภัยและ เพื่อยืดอายุการใช้งานของยางรถยนต์
2.เมื่อยางรถยนต์ของคุณได้รับความเสียหาย
ยางได้รับความเสียหายจากการกระแทกกับวัตถุที่มีพื้นผิว แข็งบนท้องถนน เช่น ขอบถนน หลุมบ่อ หรือถูกตะปูตำ ให้ท่านนำยางเส้นนั้นไปให้ผู้แทนจำหน่ายยางของมิชลิน หรือ
ช่างผู้เชี่ยวชาญ ทำการตรวจสอบดูว่ายางเส้นนั้นสามารถที่จะซ่อมแซมได้หรือไม่ หรือจะต้องเปลี่ยนยางเส้นใหม่
หมายเหตุ
การตรวจสอบสภาพยางจะต้องกระทำโดยผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เนื่องจากความเสียหายที่เกิดขึ้นกับยางอาจไม่สามารถมองเห็นประจักษ์ได้จาก ภายนอกในขณะที่ยางประกอบอยู่กับกระทะล้อรถยนต์
ยางที่ได้รับความเสียหายจากเหตุใดเหตุหนึ่งดังต่อไปนี้ ไม่สามารถซ่อมแซมได้
1. การถูกบาดตำบริเวณแก้มยาง
2. เส้นลวดบริเวณขอบยางแทงทะลุออกมาด้านนอก หรือบิดเบี้ยวเสียรูป
3. เนื้อยางหรือเส้นใยโครงสร้างยางแยกตัวออกจากกัน
4. เกิดรอยยับ/พับที่เนื้อยางหรือเส้นใยโครงสร้างยาง
5. ยางได้รับความเสียหายจากสารไฮโดรคาร์บอน หรือจากการกัดกร่อนของสารเคมีหรือสารอื่นใด
6. เนื้อยางภายในท้องยางได้รับการเสียดสีหรือสึกหรอ เนื่องจากการใช้ความดันลมยางที่อ่อนเกินไปหรือไม่
3.เมื่อยางเริ่มเสื่อมสภาพอายุจากการใช้งาน
เราไม่สามารถประมาณการอายุการใช้งานของยางแต่ละเส้นได้ เนื่องจากอายุการใช้งานของยาง
ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างด้วยกัน มิชลินขอแนะนำให้คุณหมั่นตรวจสอบสภาพภายนอกของยาง
รวมถึงการสูญเสียหรือรั่วซึมของลมยาง และสิ่งผิดปกติต่างๆ เช่น การสั่นสะเทือนของยาง ยางมีเสียงดัง ยางดึงซ้าย-ขวา เป็นต้น อาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่าถึงเวลาที่ท่านจะต้องเปลี่ยนยางใหม่ แล้ว
นอกจากนี้ มิชลินขอแนะนำให้คุณจัดให้ช่างผู้เชี่ยวชาญทำการตรวจสอบสภาพยางรถยนต์ทุก เส้นของคุณอย่างสม่ำเสมอ (รวมถึงยางอะไหล่ ยางรถลาก และยางรถพ่วงด้วย) เพื่อประเมินผลว่ายางรถยนต์ของคุณมีความเหมาะสมที่จะใช้งานต่อไปหรือไม่
หากคุณได้ใช้ยางดังกล่าวมากว่า 5 ปีนับจากวันผลิตแล้ว คุณควรให้ช่างผู้เชี่ยวชาญทำการตรวจสอบสภาพยางดังกล่าวเป็นประจำทุกปี และในกรณีที่ต้องเปลี่ยนยางใหม่ ให้คุณปฏิบัติตามหนังสือคู่มือประจำรถจากผู้ผลิตรถยนต์ หรือคำแนะนำของผู้ผลิตรถยนต์เกี่ยวกับการเปลี่ยนชิ้นส่วนของรถยนต์อย่าง เคร่งครัด
และในกรณีที่คุณได้ใช้ยางดังกล่าวมากว่า 10 ปีนับจากวันผลิตแล้ว คุณจะต้องเปลี่ยนยางใหม่
ในทันที แม้จะปรากฏว่ายางดังกล่าวยังคงมีสภาพดีและไม่สึกถึงสัญลักษณ์บอกระดับความลึกของร่องดอกยางก็ตาม
|